ไปเกาะสีชัง...ทำอะไรดี? One Day Trip เที่ยวเกาะชิลๆ ใกล้กรุงเทพฯ

          อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยเองและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางไปพักผ่อนกันอย่างแพร่หลาย หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าชลบุรีมีที่เที่ยวอย่างเกาะสีชัง แต่จะมีกี่คนที่รู้จักประวัติความเป็นมาของเกาะแห่งนี้

          เกาะสีชัง เป็นเกาะขนาดเล็กที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เกาะหนึ่งของประเทศไทยเนื่องจากเคยเป็นสถานที่เสด็จประพาสและเป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินของกรุงรัตนโกสินทร์ถึง ๓ พระองค์ซึ่งมีหลักฐานปรากฏจากพระนามาภิไธยหลายแห่งและร.5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชฐานบนเกาะขึ้นเป็นแห่งแรก เพื่อเป็นสถานที่ประทับในฤดูร้อนและพระราชทานนามว่า พระจุฑาธุชราชฐาน ตามพระนามพระราชโอรสที่ประสูติบนเกาะสีชังแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นสถานที่จอดพักเรือสินค้านานาชาติ และมีธรรมชาติงดงามแตกต่างไปจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่นี่สามารถเที่ยวแบบไป-กลับวันเดียว หรือจะพักค้างคืนก็ได้ และเมื่อรู้จักกับเกาะสีชังกันเป็นอย่างดีแล้ว ก็มารู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะกันดีกว่าแต่จะมีอะไรบ้างไปชมกันเลย....


รูปภาพจาก https://www.kohsichang.go.th


1. ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ 

          ก่อนที่จะไปเที่ยวสถานที่ต่างๆบนเกาะ สิ่งแรกก็ควรจะไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวเกาะสีชัง ซึ่งบรรดาชาวจีนทั้งในและต่างประเทศให้ความเคารพสักการะโดยเฉพาะเรื่องค้าขายและการงานมีความเชื่อว่าหากได้มาไหว้ติดต่อกัน 3 ปี จะสมปรารถนาในสิ่งที่ขอ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่จะผสมผสานสถาปัตยกรรมจีนและไทยเข้าด้วยกัน ด้านบนจะสามารถชมวิวโดยรอบของเกาะได้ทางขึ้นมีบันไดแยกเป็น 2 ทาง ด้านขวาเป็นศาลเจ้าแม่กวนอิม และด้านซ้ายมือเป็นทางขึ้นศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ซึ่งหากนักท่องเที่ยวต้องการความสะดวกในการขึ้นไปสักการะองค์เจ้าพ่อเขาใหญ่นอกจากการเดินตามทางบันไดหลักแล้วนั้น ยังมีรถกระเช้าคอยให้บริการซึ่งสามารถนั่งได้ครั้งละไม่เกิน 6 – 8 ที่นั่ง เหมาะสำหรับผู้สูงวัย โดยค่าบริการนั้นแล้วแต่ศรัทธาโดยมีตู้รับบริจาคอยู่ด้านบน



______________

2. รอยพระพุทธบาท

          รอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาสูง ณ ไหล่คยาศิระ ศิลารอยพระพุทธบาทโบราณนี้มาจากพุทธคยา ร.5 จึงทรงโปรดให้เชิญรอยพระพุทธบาทขึ้นพร้อมกับพระราชทานชื่อไหล่เขาที่มาประดิษฐานรอยพระพุทธบาทว่า “ไหล่คยาศิระแห่งยอดเขาพระจุลจอมเกล้า” คนนิยมขึ้นไปกราบไหว้ในช่วงเช้าเนื่องจากตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะ จึงทำให้ได้รับแสงแรกของวันเป็นที่แรกของเกาะ

 
3. พระจุฑาธุชราชฐาน (พระราชวัง)

          หากได้มาที่เกาะสีชังแห่งนี้จะพลาดไม่ได้พระราชวังแห่งเดียวในไทยที่สร้างอยู่บนเกาะ คงต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่มีความน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อนักท่องเที่ยวผู้ที่สนใจอย่างมาก ปัจจุบันที่นี่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์รวบรวมเรื่องราวพระราชกรณียกิจต่างๆ ของ ร.5 และพระบรมวงศ์ศานุวงศ์บนเกาะสีชัง ภายในยังมีโบราณสถานสำคัญจำนวนมาก เช่น พระเจดีย์อุโบสถวัดอัษฎางคนิมิต, เรือนไม้ริมทะเล, เรือนวัฒนา, เรือนผ่องศรี, เรือนอภิรมย์ และที่พลาดไม่ได้ก็คือการถ่ายรูปคู่กับสะพานที่เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของเกาะสีชัง นั่นคือ สะพานอัษฎางค์ สะพานไม้สีขาวคู่เกาะสีชัง และเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยที่สุดของเกาะสีชังซึ่ง ร.5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นด้วยไม้สักทาสี และด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นสะพานแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่ง Landmark ที่ทุกคนที่ไปเกาะสีชัง จะพลาดไม่ได้

รูปภาพจาก https://travel.mthai.com/, https://www.kohsichang.go.th

4. ช่องอิศริยาภรณ์ (ช่องเขาขาด)

          จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นได้ทั้งหน้าผา ทะเล  และเกาะ แถมมีสะพานปูนสีขาวให้เดินเลียบทะเลชมวิวรอบๆ ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปดื่มด่ำบรรยากาศและวิวสวยๆ ในสถานที่อันโรแมนติก ช่องเขาขาดจะมีสะพานปูนสีขาวที่ทอดยาวไปตามหน้าผา และเรี่องราวเล่าขาน ที่เหลือไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและชื่นชม ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่อยู่ในไฮไลท์เด็ดเมื่อมาเกาะสีชังแล้วจะพลาดไม่ได้ หากมาช่วงเย็นจะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินได้ด้วย ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดบนเกาะสีชัง

รูปภาพจาก https://www.kohsichang.go.th

5. อ่าวอัษฏางค์ (หาดถ้ำพัง)

           ที่สุดท้ายหนึ่งในไฮไลท์เด็ดที่พลาดไม่ได้ เมื่อมาเที่ยวทะเลทั้งที่ก็ควรจะได้ลงเล่นน้ำ ที่หาดถ้ำพัง หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “อ่าวอัษฎางค์” หาดแห่งนี้มีลักษณะเป็นอ่าวโค้ง หาดทรายขาวสวยงาม คนนิยมมาเล่นน้ำที่นี่ บริเวณชายหาด จะมีบริการให้เช่าห่วงยาง บานาน่าโบ๊ท เจ็ทสกี เรือคายัค และบริการดำน้ำ อีกทั้งยังมีร้านอาหารไว้บริการมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเล อาหารตามสั่ง และเครื่องดื่ม ด้านเหนือหาดเป็นแหลมถ้ำพัง ทางทิศใต้เป็นแหลมตุ๊กตา เป็นจุดที่นักตกปลานิยมไปตกปลา ที่หาดถ้ำพังเป็นส่วนหนึ่งของอ่าวอัษฎางค์เพราะว่า คำว่าอ่าวนั้นมีลักษณะเป็นเวิ้งน้ำและเว้าโค้ง ส่วนคำว่าหาดนั้นคือเนินที่ลาดเอียงลงไปในน้ำและมักเป็นเนินทรายแต่ถูกเรียกโดยรวมและเข้าใจตรงกันว่าทั้งสองชื่อนี้เป็นสถานที่เดียวกัน

          การเดินทางมาเกาะสีชังนั้น ก็ง่ายมากแค่วิ่งเลียบถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าไปทางบางแสน ผ่านแหลมฉบัง ศรีราชา และเลี้ยวเข้าเกาะลอย ก็จะเห็นป้ายบอกทาง ท่าเรือเกาะสีชัง เมื่อถึงเกาะลอยแล้วเลือกที่จอดได้เลยค่ะ ค่าที่จอดฟรีและมีที่จอดเยอะมากแต่ถ้าไปสายอาจจะต้องจอดริมทะเล  ในส่วนของเรือข้ามเกาะนั้นจะออกทุกชั่วโมง มีทั้ง เรือเฟอร์รี่ ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที ค่าบริการคนละ 50 บาท/เที่ยว และ เรือสปีดโบ๊ท ใช้เวลาเดินทาง 15 นาที ค่าบริการคนละ 150 บาท/เที่ยว เรือจะออกทุกชั่วโมง และการเดินทางภายในเกาะก็จะมีบริการเช่ารถจักรยานยนต์ รถสกายแล็บ และรถสองแถว